ประเภทพระ

พระสมเด็จวัดฯ วัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ฐานแซม

พระสมเด็จวัดฯ วัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ฐานแซม

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

พระสมเด็จฯวัดระฆังโฆสิตาราม เป็นองค์พระประธานใน พระชุดเบญจภาคี ท่านผู้สร้าง คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พุทธคุณ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระสมเด็จฯระฆังฯ มีมากมาย นับว่าเป็นพระเครื่องยอดนิยมอันดับหนึ่งตั้งแต่มีวงการพระเครื่องมา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ที่พระนครศรีอยุธยา ท่านมีอายุยืนยาวนานถึง 5 แผ่นดิน โดยในสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านเป็นหนึ่งในบุคคลไม่กี่คนที่อยู่ทันเห็น รัชกาลที่ 1 พระองค์จริง ทั้งนี้ เมื่อท่านอุปสมบท รัชกาลที่ 1 ทรงพระเมตตารับเป็นนาคหลวง อุปสมบทที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านเป็นศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราช (สุก) ไก่เถื่อน พระสังฆราชองค์ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นผู้สร้าง พระสมเด็จฯอรหังขึ้น ทั้งนี้ ว่ากันว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้ดำเนินรอยตามการสร้างพระตามสมเด็จพระสังฆราช (สุก) ไก่เถื่อน ในปี พ.ศ. 2407 ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น “สมเด็จพระพุฒาจารย์” หลังจากนั้น 2 ปี ในปี พ.ศ. 2409 ท่านได้เริ่มสร้างพระสมเด็จฯวัดระฆังโฆสิตาราม สำหรับมูลเหตุในการสร้างพระสมเด็จฯวัดระฆังนั้น เล่ากันว่า เมื่อครั้งที่ท่านขึ้นไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งที่มีชื่อเสียงเรื่องพระพิมพ์ ในครั้งนั้นท่านได้พบพระพิมพ์โบราณที่วัดเสด็จซึ่งเป็นวัดร้าง ท่านจึงได้นำพระพิมพ์เหล่านั้นกลับมาบางส่วนพร้อมทั้งดำริที่ว่าจะสร้างพระเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาเหมือนดังที่คนโบราณได้กระทำมา

สำหรับมวลสารที่ใช้ในการสร้างพระสมเด็จฯ ประกอบด้วย ปูนขาวเป็นส่วนใหญ่ (เอาเปลือกหอยมาเผาเป็นปูนขาว) ผงพุทธคุณ ซึ่งเกิดจากการเขียนอักขระลงบนกระดานชนวนแล้วลบ จากนั้นนำผงที่ได้มาปั้นแล้วนำมาเขียนใหม่ ทำแบบนี้ซ้ำๆ โดยเริ่มจากผงปถมัง ผงอิทธิเจ ตรีนิสิงเห มหาราช และพุทธคุณ ผงที่ได้จึงมีอานุภาพสูงสุดส่วนผสมอื่นๆ ได้แก่ ใบลานเผา ดอกไม้แห้ง เศษจีวรพระ และเนื้อพระประสานด้วยน้ำมันตังอิ้ว เพื่อกันการแตกร้าว สำหรับขั้นตอนกรรมวิธีนั้น นำเอามวลสารผสมแล้วนำมาตำเป็นเนื้อพระสมเด็จ ปั้นเป็นแท่งสี่เหลี่ยม ตัดออกเป็นชิ้นๆ (เรียกว่า ชิ้นฟัก) นำเนื้อพระสมเด็จชิ้นฟักวางลงที่แม่พิมพ์ ซึ่งแกะจากหินชนวน แล้วกดเนื้อพระกับแม่พิมพ์ ตัดขอบพระเป็นรูปสี่เหลี่ยม โดยใช้ตอกตัดดอกไม้ไผ่ที่ใช้จักสาน สำหรับแม่พิมพ์พระสมเด็จฯวัดระฆัง มีทั้งหมด 5 พิมพ์ คือ

  1. พิมพ์ใหญ่ (พิมพ์ประธาน)
  2. พิมพ์ฐานแซม
  3. พิมพ์เจดีย์
  4. พิมพ์ปรกโพธิ์
  5. พิมพ์เกศบัวตูม

พุทธคุณของพระสมเด็จวัดระฆังสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายด้าน ขึ้นชื่อในด้าน “เมตตามหานิยม” เป็นอย่างมาก ผู้ที่บูชาพระสมเด็จเชื่อว่าจะได้รับความเมตตาจากผู้คนรอบข้าง ทำให้มีคนช่วยเหลือเกื้อกูล มีเสน่ห์และได้รับความนิยมชมชอบ เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการเจรจา การค้าขาย หรือต้องพบปะกับผู้คนบ่อยครั้ง

พุทธคุณที่โดดเด่นอีกด้านคือ “ความแคล้วคลาด” เชื่อกันว่าผู้ที่บูชาจะปลอดภัยจากภยันตรายต่าง ๆ ทั้งจากอุบัติเหตุ อันตรายทางกาย และอันตรายจากศัตรู รวมถึงการป้องกันจากสิ่งชั่วร้าย ไม่ว่าจะเป็นคุณไสยหรือมนต์ดำ พุทธคุณด้าน “โชคลาภและความเจริญรุ่งเรือง” ทำให้ผู้ที่บูชามีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและการเงิน ธุรกิจประสบความสำเร็จ ช่วยดึงดูดโชคลาภและโอกาสดี ๆ ให้เข้ามาในชีวิต การบูชาพระสมเด็จวัดระฆังช่วยให้จิตใจสงบและมั่นคง มีสติและสมาธิในการดำเนินชีวิต ความศรัทธาต่อพระพุทธคุณของพระเครื่องจะช่วยให้ผู้บูชามีความมั่นใจในสิ่งที่ทำ ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคหรือความยากลำบาก อีกทั้งยังมีพุทธคุณในการ “ป้องกันคุณไสยและสิ่งชั่วร้าย” เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ศรัทธาที่เชื่อว่าจะป้องกันอาถรรพ์หรือพลังลบต่าง ๆ ทำให้ผู้ที่บูชาปลอดภัยจากพลังอันไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ การมีพระสมเด็จวัดระฆังยังช่วยเพิ่มบารมีแก่ผู้ที่ต้องการความเคารพและการยอมรับจากผู้อื่นอีกด้วย

วันนี้ผมนำสุดยอดพระเครื่องของวงการมาให้ชมครับ  องค์นี้คือพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ฐานแซม เป็นองค์ที่สมบูรณ์แบบมากไม่มีชำรุดอุดซ่อมใดๆ และที่สำคัญพระองนี้อยู่ในหน้าปกหนังสือพระเครื่องโบราณ ถูกตีพิมพ์เมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ที่ เรียกว่าอยู่ในทำเนียบองค์ตำนานอีกหนึ่งองค์  ซึ่งต้องบอกเลยว่าจะหาพระสวยสมบูรณ์แบบนี้ในยุคนี้ได้ยากยิ่งนัก นี่คือจักรพรรดิแห่งพระเครื่องเมืองไทย ที่หาชมได้ยากยิ่ง

ชี้ตำหนิ

จำพิมพ์พระให้แม่น ใบหน้าพระพักตร์ลักษณะคล้ายรูปไข่ เส้นเกศจรดซุ้มและทะลุออกมาเล็กน้อย เส้นซุ้มจะหนาเป็นสันคมมีมิติ รอบขอบตัดมองเห็นชัดเจน ลักษณะการตัดขอบของวัดระฆังจะตัดชิดซุ้ม องค์พระเนื้อจะมีความแห้ง เม็ดมวลสารหดตัวเป็นก้อนๆ มีคราบเป็นคราบแป้งโรยพิมพ์ เพื่อไม่ให้เนื้อขององค์พระติดพิมพ์ ที่บริเวณฐานแต่ละชั้นจะมีเส้นเล็กๆเพิ่มขึ้นมา นี่คือที่มาของชื่อ “ฐานแซม”




ด้านหลัง มีโพรงที่เกิดจากมวลสารหดตัวเป็นธรรมชาติ และมีการหดตัวลักษณะเป็นเม็ดก้อนๆ มวลสารจะมีเม็ดสีแดงส้มเป็นเม็ดมวลสารมาจากพระกรุทุ่งเศรษฐี เนื้อมวลสารตุ๊บตั๊บเป็นธรรมชาติของพระสมเด็จ วัดระฆัง จะมีเม็ดมวลสารเม็ดขาวเม็ดดำ และมีรอยเศษไม้ ตามตำนานเล่าว่าเป็นไม้ไก่กุก





ด้านข้างจะเห็นลักษณะของพระจะแอ่นเล็กน้อยและพิมพ์ฐานแซมส่วนมากองค์พระจะบางๆ ด้านข้างของวัดระฆังจะเป็นแบบสับตัดตรง ไม่เบี้ยว มีโพรงทีเกิดจากเม็ดมวลสารหดตัว รอยย่นเป็นธรรมชาติ






ถ้าคุณมีพระแบบนี้ ผมรับซื้อ ส่งรูปพระของคุณมาที่ Line : @tone8888
ติดตามไลฟ์สดพระแท้ อยากได้พระดี อยากมีพระแท้ ต้องเพจเฟสบุ๊ก โทน บางแค FC. เท่านั้น