พระสมเด็จ วัดบางขุนพรหม กรุเก่า พิมพ์ใหญ่
เป็นที่ทราบกันดีว่า เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โต ท่านได้เป็นผู้ที่สร้างพระสมเด็จวัดระฆัง สุดยอดของพระเครื่องของเมืองไทย ซึ่งท่านได้สร้างเมื่อปี 2409 ภายหลังจากท่านได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็น “สมเด็จพุฒาจารย์” และสิ้นสุดการสร้างเมื่อปี พ.ศ.2413 ท่านได้สร้างพระ “สมเด็จวัดบางขุนพรหม” ซึ่งเป็นพระที่มีชื่อเสียงขจรขจาย ไม่แพ้พระสมเด็จวัดระฆังเลยทีเดียว
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!สมเด็จพุฒาจารย์โต มักจะมาจำวัดและเทศนาที่วัดบางขุนพรหมประจำ ทำให้มีความสนิทชิดเชื้อกับเสมียนตราด้วง โยมอุปถัมภ์ วัดบางขุนพรหมเป็นอย่างดี
ในปี พ.ศ.2413 “เสมียนตราด้วง” ได้อาราธนาสมเด็จพุฒาจารย์โต ให้สร้างพระขึ้นมา เพื่อบรรจุไว้ในพระเจดีย์ที่ “วัดบางขุนพรหม” เพื่อไว้สืบทอดศาสนาและไว้สำหรับภายภาคหน้า เมื่อยามบ้านเมืองหรือประชาชนทุกข์ร้อน ก็จะได้นำมาไว้ใช้เพื่อขจัดความทุกข์ร้อน เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โตจึงอนุญาต และได้ทำการสร้างพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมมีทั้งหมด 9 พิมพ์ด้วยกัน คือ
1.พิมพ์ปรกโพธิ์
2.พิมพ์ใหญ่
3.พิมพ์ทรงเจดีย์
4.พิมพ์เกศบัวตูม
5.พิมพ์ฐานแซม
6.พิมพ์เส้นด้าย
7.พิมพ์สังฏิ
8.พิมพ์ฐานคู่
9.พิมพ์อกครุฑเศียรบาตร
เสมียนตราด้วงได้นำวัสดุประกอบการสร้าง คือ ปูนขาวผง ตลอดจนวัสดุในการผสมให้เป็นเนื้อพร้อมที่จะทำพระ
ส่วนเจ้าประคุณสมเด็จได้มอบผงวิเศษอันมีชื่อเสียงของท่านมาผสม ผงวิเศษนั้นก็คือ ผง 5 ชนิดที่ใช้ผสมกับเนื้อพระที่ใช้ทำพระสมเด็จวัดระฆังอันลือชื่อ ประกอบด้วย
1.ผงอิธะเจ
2.ผงปถมัง
3.ผงตรีนิสิงเห
4.ผงมหาราช
5.ผงพุทธคุณ
เมื่อนำมาผสมเสร็จก็นำไปกดที่แม่พิมพ์ เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โต ก็เข้าทำพิธีปลุกเสก ในครั้งนั้น สมเด็จพุฒาจารย์โต ได้นำพระวัดระฆังที่ท่านสร้างไว้ก่อน จำนวนหนึ่งประมาณ สี่บาตรพระ เข้าไปร่วมบรรจุไว้ในเจดีย์อีกด้วย
ในปี พ.ศ.2425 ได้มีคนลอบนำพระออกมาจากเจดีย์ เพราะกิติศัพท์ของพระสมเด็จ ใช้รักษาโรคห่าได้
โดยลอบนำพระออกมาโดยใช้วิธีตกหรือการ “ตกพระ” ใน ปี พ.ศ.2436 เกิดสงครามไทยกับฝรั่งเศส ทำให้ประชาชนพากันไปตกพระอีก เพื่อจะได้พระมาไว้ป้องกันตัว และในปี พ.ศ.2450 ก็มีการตกพระอีก พระที่ทำการตกทั้ง 3 ครั้งนั้น จะได้พระที่อยู่บน ๆ ไม่โดนดิน หรือเศษฝุ่นในเจดีย์ทักถม จึงเป็นพระที่มีความสวยงามชัดเจน มีคราบกรุจับน้อย ซึ่งมักจะเรียกกันว่า “พระกรุเก่า”
ในปี พ.ศ.2500 ได้มีคนร้ายกลุ่มหนึ่งคิดจะได้พระทางลัด จึงได้ลอบไปเจาะองค์พระเจดีย์เสียเลยและได้พระจำนวนมากไป ทำให้กรรมการของวัดบางขุนพรหมได้ประชุมกันแล้วพร้อมตกลงที่จะเปิดกรุพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม เพื่อที่จะนำออกจำหน่ายให้ประชาชน เพื่อนำเงินมาบูรณะวัด จึงมีการเปิดกรุเป็นทางการ โดยได้ พล.อ.ประภาส จุรุเสถียร เป็นประธานในการเปิดกรุ ในครั้งนั้นได้พระมาประมาณ 2,900 องค์ เป็นพระที่สมบูรณ์ และที่ชำรุดแตกหักอีกเป็นจำนวนมาก พระที่แตกกรุออกมาจะมีคราบกรุจับหน้าเสียส่วนใหญ่ เพราะโดนดินและเศษปูนในเจดีย์ทับถม ความสวยงามเป็นรอง พระที่ทำการตกพระครั้งแรก ๆ พระที่ทำการเปิดกรุเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.2500 จึงเรียกกันว่า “พระกรุใหม่”
พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม ไม่ว่าจะเป็นพระกรุเก่า หรือพระกรุใหม่ พุทธคุณไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าพระสมเด็จวัดระฆังเลย เพราะสมเด็จพุฒาจารย์โตพรหมรังษี ท่านได้ร่วมในการสร้างและปลุกเสก เพราะฉะนั้น พุทธคุณนั้นสุดยอดเหมือนกันเลยทีเดียว
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Google.