พระหล่อพิมพ์ประภามณฑล หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หรือ พระครูวิมลคุณากร (ศุข เกสโร) ท่านเกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน 4 ปีจอ พ.ศ. 2390 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ณ บ้านข้างวัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ท่านเป็นบุตรของนายน่วม และนางทองดี เกศเวชสุรยา หลวงปู่ศุขเป็นบุตรชายคนโต มีพี่น้องต่อมาอีก 8 คน ครอบครัวเป็นชาวไร่ พออายุได้ 7 ขวบ บิดามารดาก็นำไปฝากกับพระอาจารย์ ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า (เดิมชื่อว่าวัดอู่ทองปากคลองมะขามเฒ่า) เพื่อเล่าเรียนหนังสือไทย และขอมการเล่าเรียนของท่านเชี่ยวชาญ แตกฉาน จนกระทั่งอายุได้ 18 ปี ก็อำลาวัดออกไปท่องเที่ยว หาประสบการณ์อยู่พักหนึ่ง และเมื่ออายุได้ 20 ปี ก็หวนกลับไปอุปสมบท เป็นพระภิกษุที่วัดโพธิ์ทองล่าง โดยมีอาจารย์เชย จันทสิริ เจ้าอาวาสเป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่อบวชแล้วก็ได้ศึกษา พระธรรมวินัยจนบังเกิดศรัทธาดื่มด่ำ ในรสพระธรรม รอบรู้ในพระไตรปิฎก และเชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน ด้วยเหตุที่ท่าน เป็นผู้แต่ฉานในภาษา และอักขระเลขยันต์มาก่อน จึงทำให้ท่านก้าวสู่โลกของไสยเวท และคาถาอาคมได้โดยง่ายมี พระอาจารย์เชยซึ่ง แก่กล้าทางพุทธาคม เป็นอาจารย์สอน วิปัสสนากรรมฐาน และการทำสมาธิจิตเพ่งกสิณจนแตกฉาน
การเพ่งกสิณและทำสมาธิจิต ของหลวงปู่ศุขเป็นพื้นฐาน ในการศึกษา พระเวทอาคมต่างๆ ซึ่งท่านมีจิตใจที่แน่วแน่ มุ่งปฏิบัติอย่างจริงจัง จนเกิดพลังจิตที่กล้าแข็งเป็นอย่างยิ่ง กสิณที่ฝึกประกอบด้วย อาโปกสิณ เตโชกสิณ วาโยกสิณ ปฐวีกสิณ อันเป็นธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ จนสามารถแยกธาตุได้ด้วยความชำนาญ นอกจากนี้หลวงปู่ศุขยังเป็น พระที่ใฝ่ธุดงค์เป็นนิจ และจากการที่ท่านธุดงค์รอนแรมไปในป่า เป็นเวลานานๆ ก็ทำให้ท่านได้พบ กับพระอาจารย์อีกหลายท่าน ที่หลวงปู่ศุขฝากตัวเป็นศิษย์ เล่าเรียนเวทมนต์คาถาเพิ่มเติม จนกล่าวกันว่าหลวงปู่ศุข คือจ้าวแห่งอาคมตัวจริง และเมื่อกลับสู่บ้านเกิดแล้ว ท่านก็ได้ครองวัดปากคลองมะขามเฒ่าสืบมา
ความยิ่งใหญ่ในด้านพุทธาคม ของหลวงปู่ศุขทำให้ท่านมี ลูกศิษย์ลูกหา เข้ามาฝากตัวด้วยจำนวนมาก ตั้งแต่ระดับชาวบ้านขึ้น ไปถึงชั้นเจ้านายเชื้อพระวงศ์ก็มี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่จะละเว้นไม่กล่าวถึง เป็นไปไม่ได้ก็คือ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาแห่งกองทัพเรือไทย
หลวงปู่ศุข ได้รับสมณศักดิ์เป็น เจ้าคณะอำเภอคนแรกของอำเภอวัดสิงห์ หลวงปู่ศุขอาพาธด้วยโรคชราตั้งแต่ปี พ.ศ. 2464 มรณภาพเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2466 ตรงกับปลายรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สิริอายุได้ 76 ปี นับพรรษาได้ 54 พรรษา
วัตถุมงคลหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ถือเป็นพระเครื่องยอดนิยมที่นักสะสม หรือเซียนพระต่างๆ ต้องมีเก็บไว้ในครอบครอง เพราะด้วยตำนาน เรื่องเล่า ความศักดิ์สิทธิ์ด้านพุทธคุณที่เล่าต่อกันมาทำให้พระเครื่องหลวงปู่ศุข ติดอันดับพระเครื่องที่มีมูลค่าเช่าบูชาสูงสุดเป็นอันดับต้นๆ ของวงการพระเครื่องไทย โดยเฉพาะพระหล่อพิมพ์ประภามณฑล หลวงปู่ศุข เนื้อเมฆสิทธิ์
พระพิมพ์ประภามณฑลหลวงปู่ศุขเนื้อเมฆสิทธิ์ สุดยอดเบอร์หนึ่งในสาย พระรุ่นนี้ต้องถือว่าเป็นสุดยอดเพราะมีการปลุกเสกถึงสองพระเกจิอาจารย์ใหญ่แห่งยุคนั่นก็คือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าและ หลวงปู่ทับ วัดอนงค์สุดยอดเจ้าของตำราเนื้อเมฆสิทธิ์ สายเล่นแร่แปรธาตุ เบอร์หนึ่งขอพระเกจิเมืองไทย พระองนี้เป็นองค์ตำนานเป็นองค์ที่อยู่ในหนังสือยอดนิยมหลายเล่ม และเป็นองค์ต้นแบบที่เซียนพระนักสะสมพระในอดีตยึดถือเป็นองค์ครู และสภาพพระถูกเก็บรักษาแบบ 100% ไม่ผ่านการใช้ใดๆ ทั้งสิ้น
พระเครื่องพิมพ์ประภามณฑล หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นหนึ่งในพระเครื่องที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการพระเครื่องไทย เนื่องจากความศักดิ์สิทธิ์และพุทธคุณที่ครบถ้วน หลวงปู่ศุขท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในด้านการปลุกเสกพระเครื่องและเครื่องรางที่มีพุทธคุณสูง
สำหรับพิมพ์ประภามณฑล เนื้อเมฆสิทธิ เป็นหนึ่งในพิมพ์ที่หายากและมีค่านิยมสูง ซึ่งเนื้อเมฆสิทธินั้นเป็นเนื้อโลหะผสมที่หลวงปู่ศุขใช้สร้างพระเครื่อง โดยการนำแร่ธาตุต่าง ๆ มาผสมกันจนได้เนื้อที่มีสีคล้ำและเงาเป็นประกาย ซึ่งเชื่อกันว่าเมฆสิทธินี้มีพุทธคุณเด่นในด้านคุ้มครองป้องกันภัย และช่วยเสริมดวงชะตาให้กับผู้บูชา
พระพิมพ์ประภามณฑลมีลักษณะเฉพาะคือ มีองค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในวงกลมที่เรียกว่าประภามณฑล ซึ่งหมายถึงรัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ความหมายของการออกแบบนี้คือการแสดงถึงพลังและความคุ้มครองที่แผ่กระจายออกมาจากองค์พระ
พระเนื้อเมฆสิทธิ์ หลวงพ่อทับ วัดอนงคาราม (หรือที่เรียกกันว่าวัดอนงค์) ถือเป็นหนึ่งในพระเครื่องที่มีความสำคัญและเป็นที่รู้จักในวงการพระเครื่องเมืองไทย โดยเฉพาะในเรื่องพุทธคุณและการปลุกเสกที่มีความเข้มขลังมาก หลวงพ่อทับเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า และเป็นที่นับถือของชาวบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ และบริเวณใกล้เคียงในสมัยนั้น พระเนื้อเมฆสิทธิ์ของหลวงพ่อทับถูกสร้างขึ้นหลายพิมพ์ทรง เช่น พิมพ์พระปิดตา พิมพ์ปางซ่อนหา และพิมพ์พระพุทธรูป ล้วนเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมพระเครื่อง เนื่องจากเชื่อว่าเป็นพระที่มีพุทธคุณทางด้านเมตตามหานิยม และป้องกันภัยจากศัตรู
ลักษณะของพระเนื้อเมฆสิทธิ์ มักมีสีเขียวเข้มมีวาว เหมือนปีกแมงทับ คล้ายกับเนื้อโลหะผสมที่เงางาม และมีน้ำหนักเบากว่าโลหะชนิดอื่น ๆ พระเครื่องที่สร้างจากเนื้อเมฆสิทธิ์ของหลวงพ่อทับจะมีความสวยงามเฉพาะตัว ทำให้เป็นที่ต้องการสูงในหมู่นักสะสมพระเครื่อง พระบางองค์มีคราบความเก่าและรอยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการเก็บรักษาเป็นเวลานาน จนทำให้ยิ่งมีมูลค่าสูงขึ้น วันนี้ผมนำภาพพระหล่อพิมพ์ประภามณฑล หลวงปู่ศุข เนื้อเมฆสิทธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นพระ 2 เกจิ “หลวงปู่ศุข” และ “หลวงพ่อทับ” มาให้ชมกับครับพร้อมสอนการดูตำหนิรพะแท้แบบละเอียด
ชี้ตำหนิ
พระหล่อพิมพ์ประภามณฑล หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เนื้อเมฆสิทธิ์ จำพิมพ์ให้แม่น ดูพิมพ์พระเป็นหลัก รัศมีข้างองค์พระจะติดลางๆ ไม่ชัดเจน พระมีขนาดเล็ก ธรรมชาติของเนื้อเมฆสิทธิ์ผิวจะตึง และมีลักษณะสีเขียวเหมือนปึกแมลงทับ ผิวพรรณพระมีรอยย่น พิมพ์ตัดชิดส่วนมาก พิมพ์จะตื้น แต่องค์นี้ หล่อได้ลึกพิเศษมาก
องค์นี้เป็นเมฆสิทธิ์ ผิวพรรณดูภายนอก เป็นสีเขียวเข้มออกมีเงาวาวเหมือนปีกแมลงทับ หลังมีรอยจาร ผิวพรรณพระย่น
พระเป็นแบบหลอมโลหะและหยอดพิมพ์เข้าแม่พิมพ์ทีละองค์ เหมือนการทำขนมครก เนื้อเมฆสิทธิ์จะเป็นเฉพาะพิมพ์นี้เท่านั้น และด้านข้างจะมีรอยปีกเกิน และแต่งออกให้เหลือแต่องค์พระ
ถ้าคุณมีพระแบบนี้ ผมรับซื้อ ส่งรูปพระของคุณมาที่ Line : @tone8888
ติดตามไลฟ์สดพระแท้ อยากได้พระดี อยากมีพระแท้ ต้องเพจเฟสบุ๊ก โทน บางแค FC. เท่านั้น